Teacher Inin

คิดบวกกับ โลกสวยเหมือนกันหรือเปล่านะ             เรามักจะได้ยินบ่อยๆว่า ให้คิดบวกใช่มั้ยคะ แล้วยังมีอีกคำ โลกสวย  สองคำนี้ฟังไปดูคล้ายๆกันนะ พอได้ลองอ่านหนังสือของคุณหมอจริง  คุณหมออธิบายไว้ น่าสนใจ ชัดเจนทีเดียวค่ะ               คิดบวกคือเรามองโลกตามความเป็นจริง มองเห็นทั้งด้านดีและด้านไม่ดีของสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะพยายามมองหาข้อดีจากเรื่องนั้นๆได้อยู่เสมอ               ในขณะที่โลกสวยเรามองเห็นแต่ด้านดีเท่านั้น ซึ่งบางครั้งเนี่ย เราจะเห็นว่าคนที่โลกสวยอาจถูกหลอก เพราะมองแต่ด้านดีของคนนั้น สิ่งนั้น ไว้ใจคนง่ายเกินไป                    ดังนั้นเวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็อยากให้ทุกคนฝึกคิดบวกกัน มองเห็นทั้งด้านดีและด้านไม่ดีด้วย  เราก็จะเห็นโลกตามความเป็นจริง  ฝึกพูดกับตัวเองบ่อยๆกันนะคะ พูดว่า ''นี่เป็นเรื่องดีนะ'' With love and care:) Teacher Inin:) #Mywebsite https://pws.npru.ac.th/intrira #มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม www.npru.ac.th #คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  http://dept.npru.ac.th/hm1/index.php #Free e-book (เอกสาร ตำรา หลากหลาย) '"

 Self-care ทำยังไงบ้าง                     เมื่อบทความที่แล้ว คุยเรื่องเหงา กับการ Self-care ตัวเองไปนะคะ งั้นเรามาลองดูเป็นไอเดียกันค่ะว่า เราสามารถ Self-care ตัวเองให้มีความสุขมากขึ้นได้ อย่างไรบ้าง   เอาจริงๆมนุษย์เราเนี่ยมีความต้องการพื้นฐานคือ อาหาร กับสุขภาพ ถูกมั้ยคะ ขอให้เราไม่หิว ไม่ป่วย นี่คือชีวิตเราโชคดีมากๆเลย                   งั้นอันดับแรก แต่ละวันเราเลือกทานอาหารอร่อย และดีต่อสุขภาพกันค่ะ อ่ออย่า ลืมดื่มน้ำ จิบน้ำเรื่อยๆระหว่างวันนะคะ  พอกินดีแล้ว ถึงเวลานอน ฝึกเข้านอนเป็นเวลาได้จะดี มาก จะช่วยแก้อาหารนอนไม่หลับได้                      พอกินดี นอนดีแล้ว แต่ละวัน เรามาจัดสรรเวลาให้มีคุณภาพกันค่ะ ช่วงกลางวัน พอ ทำงานเสร็จแล้ว เย็นๆหาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ ที่ทำให้เรามีความสุข แต่ถ้าเกิดรู้สึก ไม่มี งานอดิเรกเลย งั้นตอนนี้หาเลยค่ะ ลองทำกิจกรรมใหม่ ลองค้นหาสิ่งที่ชอบ  การมีอะไรให้ เราได้ลองทำ ได้ ออกไปเรียนรู้  ออกจาก comfort zone บ้าง ดีต่อสมองค่า                     มีงานอดิเรกที่ชอบแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายกันด้วย หาเวลาออกกำลังกาย อย่างน้อยอาทิตย์ละสามวัน วันละสามสิบนา

เหงา...ทำไงดี                     Have you ever felt lonely?                     I believe that everyone will say "yes!".                        เหงา คืออารมณ์หนึ่งทีทุกคนเคยรู้สึกแน่ๆ จริงมั้ยคะ บางคนอาจจะเหงามาก เหงา น้อย แตกต่างกันไป ถ้าอยากรู้ว่าเราเหงาปกติหรือเปล่า ลองเช็คตัวเองว่า เรายังสามารถทำ กิจกรรมตามปกติ สามารถดูแลตัวเองได้มั้ยคะ ยังสามารถ self-care ตัวเองได้หรือเปล่า เช่น อาบน้ำแต่งตัว ทาครีมบำรุง แต่งตัวสวยๆ ทานอาหารดีๆ ออกกำลังกายสักหน่อย              ถ้าเรายังสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติ ที่เรารู้สึกเหงาบ้างก็ไม่เป็นไรเลยค่ะ  บางทีอาจเป็นเพราะเราว่างเกินไป หาอะไรทำเพลินๆแป็บเดียว ลืมเหงาแล้วค่ะ              แต่ถ้าสมมติเหงาจน ไม่สามารถ  self-care ตัวเองได้ อันนี้ขอเป็นห่วงนะคะ ลองไปพบ ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะช่วยเหลือเราดีกว่าค่า With love and care:) Teacher Inin:) #Mywebsite https://pws.npru.ac.th/intrira #มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม www.npru.ac.th #คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  http://dept.npru.ac.th/hm1/index.php #Free e-book (เอกสาร ตำรา หลากหลาย)

      Idioms น่ารู้   " Burn the midnight oil "                                 วันนี้มาต่อกันอีกสำนวนค่ะ  Burn the midnight oil แค่อ่านดูก็จะคิดถึง เผาน้ำมันตอน   เที่ยงคืน แล้วจะเผาไปทำไมล่ะ   ที่จริงแล้วสำนวนนี้หมายถึง ทำงานหามรุ่งหามค่ำค่ะ อาจหมายถึงอ่านหนังสือจนดึกก็ได้                       โดยที่มานั้นเราต้องย้อนกลับไปสมัยก่อนที่มนุษย์จะมีไฟฟ้าใช้แบบทุกวันนี้ เวลา กลางคืนจะ ต้องจุดตะเกียงน้ำมัน และ น้ำมันที่ได้รับความนิยมและมีราคาแพงที่สุดคือน้ำมันจาก ปลาวาฬนั่นเอง คนสมัยก่อนถ้าจะต้องเร่งทำอะไรตอนดึก แล้วจุดตะเกียงน้ำมันที่มีราคาแพง ขนาดนี้ นั่นแสดงว่างานนั้นจะต้องสำคัญมากค่ะ                 เราก็ได้รู้กันแล้วนะคะ  Burn the midnight oil  หมายถึง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรืออาจหมายถึง อ่านหนังสือจนดึกดื่นก็ได้ค่ะ   Teacher Inin:) #Mywebsite https://pws.npru.ac.th/intrira #มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม www.npru.ac.th #คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  http://dept.npru.ac.th/hm1/index.php #Free e-book (เอกสาร ตำรา หลากหลาย)

   Idioms น่ารู้   " Cost and arm and a leg"                                        วันนี้ขอเสนอสำนวน   Cost and arm and a leg เกี่ยวกับแขน ขามั้ยนะ เรามาทำ ทำความรู้จักสำนวนนี้ด้วยกันค่ะ                          สำนวนนี้ มีความหมายว่า แพงมาก แพงเหลือเกินจ้า โดยที่มาของสำนวนนี้ อาจเริ่มมาจากช่วงศตวรรษที่ 18 ก่อนจะมีกล้องถ่ายรูปแบบทุกวันนี้ คน สมัยก่อนเนี่ยจะต้องจ้างคนวาดภาพเหมือนของตนเองกันค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ จำนวนคนในภาพ แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนแขนขาที่ต้องวาด ถ้าอยากให้ราคาย่อมเยาว์ที่สุด คือการ วาดเฉพาะศีรษะและไหล่ของคุณ ราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อภาพเหมือนมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีแขน ด้วย ภาพที่แพงที่สุดคือจะมีทั้งแขนและขาด้วยนั่นเอง                         นี่จึงเป็นที่มาของสำนวน  Cost and arm and a leg ค่า Teacher Inin:) #Mywebsite https://pws.npru.ac.th/intrira #มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม www.npru.ac.th #คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  http://dept.npru.ac.th/hm1/index.php #Free e-book (เอกสาร ตำรา หลากหลาย)